ช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) ที่ผ่านมา ได้เกิดปรากฏการณ์ “หลานม่า” ซึ่งเป็นหนังดังที่เรียกว่าประจำปี ที่ชวนให้หลายคนเริ่มอยากกลับไปหาญาติผู้ใหญ่ของตนเอง
ซึ่งในกรณี “อาม่า” นั้นหลายบ้านอาจจะยังคงมีชีวิตอยู่ หลายบ้านอาจจะพึ่งตายไป หรืออาจจะเสียชีวิตไปนานแล้ว ซึ่งอาจต้องทำใจปล่อยผ่านไปสำหรับหลาย ๆ คน แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีหนึ่งที่อาจทำให้หลายคนสามารถเติมเต็มในจุดนี้ได้ถึง ถึงแม้อาจจะยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง
สำหรับเทคโนโลยีนี้นั้นเป็นเทคโนโลยีลูกผสมระหว่าง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ และระบบ VR (Virtual Reality) หรือระบบความจริงเสมือน ที่เมื่อเอามารวมกันแล้วจะช่วยสร้างอวาตาร์ (Avatar) หรือร่างตัวแทนของบุคคลคนหนึ่งขึ้นมา ด้วยการใช้ตัวอย่างเสียง และตัวอย่างการเคลื่อนไหวความยาวประมาณ 30 นาที เพื่อการสร้างร่างตัวแทนนี้ ซึ่งในรายงานจาก Sky News นั้นไม่ได้ระบุว่า สามารถใช้การจำลองจากภาพวิดีโอ หรือเทปเสียงที่มีอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งถ้ายังทำไม่ได้ก็อาจเป็นข้อจำกัดของระบบนี้ที่เพียงแค่ให้สร้างแบบจำลองของบุคคลคนหนึ่งก่อนที่เขาจะตายจากไปได้เท่านั้น
โดยเทคโนโลยีลูกผสมนี้นั้นเกิดมาจากแนวคิดของคุณ Artur Sychov ซึ่งเป็นเจ้ากิจการด้านธุรกิจเทคโนโลยีอยู่แต่เดิมแล้ว แต่กลับต้องมาประสบโชคร้ายเมื่อในการตรวจร่างกายพบมะเร็งขณะที่อายุของเขายังเพียงแค่ 38 ปี อีกทั้งยังมีครอบครัวคือภรรยา และลูกชาย อีกทั้งแพทย์ผู้ตรวจได้เปิดเผยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ทำให้นำมาสู่การพัฒนาเทคโนโลยีลูกผสมตัวนี้ โดยทางคุณ Artur เรียกระบบนี้ว่า “Live forever mode” หรือโหมดของการมีชีวิตอมตะ ที่จะทำให้ลูกของเขา รวมถึงทายาทในอนาคตสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเขาได้
“ด้วยระบบนี้ จะช่วยให้คุณรู้จักกับเจ้าของบุคลิกบนระบบนี้ ทำให้คุณได้ยินเสียงของเขา ได้พูดคุยกับเขาในหลาย ๆ เรื่อง ได้รับรู้ รู้จักกับตัวตนของเขาแม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง” คุณ Artur ได้กล่าวถึงระบบที่เขาได้ทำการพัฒนาขึ้น
ในปัจจุบัน บริษัท Somnium Space ซึ่งเป็นกิจการของคุณ Artur เองนั้น ได้อยู่ระหว่างการทดสอบการทำงานของระบบนี้ที่สำนักงานใหญ่ ณ กรุงปราก, สาธารณรัฐเช็ก ก่อนที่จะทำการเปิดตัวระบบนี้อย่างเป็นทางการ โดยบริษัท Somnium Space นั้นเป็นบริษัทที่ทำกิจการเกี่ยวกับ Metaverse ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการ ได้เข้าใช้บริการผ่านระบบ VR ในการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ บนระบบ Metaverse ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม, สร้างสรรค์และเผยแพร่ผลงานคอนเทนต์ต่าง ๆ ตลอดจนการซื้อขายสินค้าเสมือนจริงจากผู้ใช้งานรายอื่น
โดยในปัจจุบันบริษัทยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะจัดจำหน่ายหรือให้บริการระบบ “Live forever mode” ในรูปแบบใด ดังนั้นขอให้ผู้สนใจ ทำการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
ที่มา : thaiware.com